น้ำกระด้าง (Water hardness) คือน้ำที่มีแร่ธาตุซึ่งเกิดขึ้นเมื่อน้ำซึมผ่านตะกอนของหินปูนหรือยิปซั่มซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยแคลเซียมและแมกนีเซียมคาร์บอเนต ไบคาร์บอเนตและซัลเฟต น้ำที่กระด้างสามารถก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงในสภาพแวดล้อมทางอุตสาหกรรม เพื่อหลีกเลี่ยงการการเกิดตะกรันในหม้อไอน้ำ ระบบหอหล่อเย็น และอุปกรณ์อื่นๆ
คุณจะทราบได้อย่างไรว่าน้ำนั้นกระด้าง
ปกติคุณไม่สามารถบอกได้จากการดูน้ำ แต่ต้องเกิดจากการสังเกตุ โดยดูจากสัญญาณต่อไปนี้:
- 1.รู้สึกว่ามีฟิล์มติดมือหลังจากล้างมือ เกิดจากการที่สบู่ทำปฏิกิริยากับแคลเซียมให้เกิดฟองสบู่
- 2.เกิดคราบจุด ด่าง. สิ่งเหล่านี้สามารถปรากฏบนแก้วหลังจากการล้าง ซึ่งมาจากแคลเซียมคาร์บอเนต
- 3.ฟิลม์ คราบขาว สิ่งเหล่านี้ปรากฏบนเสื้อผ้าเมื่อออกมาจากเครื่องซักผ้า
- 4.แรงดันน้ำในบ้านของคุณน้อยลง การสะสมของแร่สามารถก่อตัวในท่อ
การวัดระดับความกระด้าง
สามารถวัดความแข็งได้โดยการวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือ ซึ่งจะวัดความกระด้างรวมของน้ำ (Total hardness) เป็นความเข้มข้นของของ Ca2+ และ Mg2+ ในหน่วย mol/L หรือ mmol/L
แม้ว่าความกระด้างของน้ำมักจะวัดเฉพาะความเข้มข้นรวมของแคลเซียมและแมกนีเซียม (สองไอออนของโลหะไดวาเลนต์ที่แพร่หลายที่สุด) เหล็ก อะลูมิเนียม และแมงกานีสยังสามารถแสดงที่ระดับที่สูงขึ้นได้ในบางพื้นที่ การปรากฏตัวของธาตุเหล็กมีลักษณะเป็นสีน้ำตาล (เหมือนสนิม) ให้กับการกลายเป็นปูน แทนที่จะเป็นสีขาว (สีของสารประกอบอื่นๆ ส่วนใหญ่)
มาตรฐาน (Hardness water) ในประเทศไทย
สำหรับประเทศไทยจะวัดน้ำกระด้างของ (CaCO3) ซึ่งความเข้มข้นของโมลาร์รวมของ Mg2+ และ Ca2+ ในหน่วยมิลลิกรัมต่อลิตร (mg/L) ซึ่งโดยทั่วไปกำหนดไว้ไม่เกิน 100-500มิลิกรัมต่อลิตร (ขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง) ตังตารางที่แสดงด้านล่าง
Water Hardness Meter มีย่านการวัดแบ่งออกเป็น 3ย่านการวัด Low (L) 0 – 250 mg/L CaCO3 ย่านกลาง (Medium) 200 – 500 mg/L CaCO3 และย่านการวัดสูง (High) 400 – 750 mg/L CaCO3
- 1) LR: 0 ถึง 250 mg/l
- 2) MR: 200 ถึง 500 mg/l;
- 3) HR: 400 ถึง 750 mg/l (ppm)
- 4) ความแม่นยำ: ± 5 mg/l ± 4%
- 5) สินค้าคุณภาพสูงพร้อมใบรับรอง Certificate of Calibration
0 Comment